top of page

แนวทางการปรับสไตล์ภาวะผู้นำ - Adaptive Leaders

Updated: Oct 13

แนวทางการปรับสไตล์ภาวะผู้นำ - Adaptive Leaders


ในโลกการบริหารที่ซับซ้อนและไม่แน่นอน บทบาทของ “ผู้นำ” ไม่ได้หมายถึงเพียงการจัดการงานหรือการสั่งการอีกต่อไป แต่ยังรวมถึงการสร้างแรงบันดาลใจ การเสริมพลัง และการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง หลายคนจึงยังคงตั้งคำถามว่า “สไตล์การนำที่เหมาะสมที่สุดคืออะไร?”


คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่คือ ไม่มีสไตล์ใดที่เหมาะสมที่สุดเพียงหนึ่งเดียว ผู้นำที่มีประสิทธิผลจะรู้จัก “เปลี่ยนสไตล์” ตามสถานการณ์และตามทีมที่พวกเขากำลังดูแลอยู่


หนึ่งในกรอบแนวคิดที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดคือของ Daniel Goleman ผู้เชี่ยวชาญด้านความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence) ที่เสนอ “สไตล์การนำ 6 แบบ”


บทความนี้จะตีความสไตล์ทั้ง 6 แบบในมุมใหม่ พร้อมยกตัวอย่างจากทีมในองค์กร และมีกิจกรรม Self-check เพื่อช่วยให้ผู้อ่านสะท้อนและพัฒนาสไตล์การนำของตนเอง


1. การนำแบบวิสัยทัศน์ (Visionary Leadership)


แนวทางการปรับสไตล์ภาวะผู้นำ - Adaptive Leaders

ผู้นำแบบนี้เปรียบเสมือนนักเล่าเรื่องอนาคต พวกเขาสามารถวาดภาพที่ชัดเจนของสิ่งที่จะเกิดขึ้น และเชื่อมโยงงานประจำวันของทีมเข้ากับเป้าหมายระยะยาว ทำให้ทีมเห็นคุณค่าและความหมายในสิ่งที่ทำ


ตัวอย่าง: ทีมอีคอมเมิร์ซของร้านค้าปลีกในช่วงโควิด หัวหน้าทีมประกาศทิศทางชัดเจนว่า “เราจะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในสามช่องทางขายออนไลน์อันดับต้น ๆ ของไทยภายในสองปี” สิ่งนี้ทำให้ทีมรู้สึกมีพลังและเดินไปในทิศทางเดียวกัน


ความเสี่ยง: หากมุ่งไปที่อนาคตมากเกินไป ผู้นำอาจละเลยข้อกังวลหรือข้อจำกัดของทีม


แนวทาง: ควรรักษาสมดุลระหว่างการกำหนดวิสัยทัศน์กับการเปิดพื้นที่ให้ทีมเสนอแนวทางการทำงาน


Self-check:

  • ฉันสื่อสารวิสัยทัศน์ให้ทีมฟังบ่อยพอหรือไม่?

  • ฉันเปิดโอกาสให้ทีมมีส่วนในการกำหนดวิธีการบรรลุเป้าหมายหรือไม่?


2. การนำแบบประชาธิปไตย (Democratic Leadership)


แนวทางการปรับสไตล์ภาวะผู้นำ - Adaptive Leaders

ผู้นำแบบนี้ให้คุณค่ากับการมีส่วนร่วม เปิดโอกาสให้ทีมเสนอความคิดเห็นและเข้ามามีบทบาทในการตัดสินใจ สิ่งนี้สร้างความไว้ใจและความรู้สึกเป็นเจ้าของงานร่วมกัน


ตัวอย่าง: ทีมโครงการดิจิทัลแบงก์กิ้งจัด “เวทีนวัตกรรม” เปิดโอกาสให้สมาชิกจากไอที การตลาด และบริการลูกค้า มาร่วมกันเสนอแนวคิดสำหรับแอปพลิเคชันใหม่ สุดท้ายทีมได้นำหลาย ๆ ความคิดไปใช้จริง


ความเสี่ยง: การเปิดรับความคิดเห็นมากเกินไปอาจทำให้การตัดสินใจล่าช้า และลดประสิทธิภาพของทีม


แนวทาง: ใช้การมีส่วนร่วมอย่างมีกลยุทธ์ เปิดให้ทีมมีเสียงในเรื่องที่หลากหลายมุมมองช่วยได้จริง แต่ก็ต้องพร้อมตัดสินใจเด็ดขาดเมื่อต้องการความเร่งด่วน


Self-Check:

  • ฉันจัดประชุมหรือขอความคิดเห็นมากเกินไปก่อนจะตัดสินใจหรือไม่?

  • ครั้งล่าสุดที่ฉันตัดสินใจโดยไม่รอฉันทามติคือเมื่อไร และผลลัพธ์เป็นอย่างไร?


3. การนำแบบสร้างความสัมพันธ์ (Affiliative Leadership)


แนวทางการปรับสไตล์ภาวะผู้นำ - Adaptive Leaders

ผู้นำแบบนี้เน้นการสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเกื้อกูลในทีม พวกเขาสามารถฟื้นฟูความเชื่อใจและยกระดับขวัญกำลังใจได้ดี


ตัวอย่าง: ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หัวหน้าทีมพยาบาลใช้การนำแบบนี้ในช่วงโควิด เธอตรวจเช็คความรู้สึกของทีมทุกวัน สนับสนุนให้พนักงานช่วยเหลือกัน และกล่าวชื่นชมผลงานของแต่ละคน ส่งผลให้ทีมยังคงมีกำลังใจแม้ต้องทำงานหนัก


ความเสี่ยง: หากมุ่งแต่สร้างความกลมเกลียว ผู้นำอาจหลีกเลี่ยงการให้ข้อเสนอแนะที่ยากแก่การยอมรับ ทำให้การพัฒนาหยุดชะงัก


แนวทาง: ให้คำชมควบคู่กับข้อเสนอแนะเชิงสร้างสรรค์ และใช้สไตล์นี้ร่วมกับการนำแบบวิสัยทัศน์เพื่อรักษาสมดุลระหว่างกำลังใจกับเป้าหมาย


Self-Check:

  • ฉันหลีกเลี่ยงการให้ feedback ที่ตรงไปตรงมาเพื่อรักษาบรรยากาศหรือไม่?

  • ฉันจะให้ feedback ที่จริงใจและยังคงเกื้อกูลได้อย่างไร?


4. การนำแบบโค้ช (Coaching Leadership)


แนวทางการปรับสไตล์ภาวะผู้นำ - Adaptive Leaders

ผู้นำสไตล์นี้มองเห็นศักยภาพของผู้คน และลงทุนเวลาเพื่อพัฒนาพวกเขา พวกเขาช่วยให้สมาชิกค้นหาจุดแข็ง ตั้งเป้าหมาย และเติบโตในระยะยาว


ตัวอย่าง: ทีมฝ่ายขายของบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภค หัวหน้าทีมเปลี่ยนการประชุมทบทวนงานจากเดิมที่คุยแค่ยอดขาย มาเป็นการโค้ชพนักงานแต่ละคนเรื่องทักษะ ความมั่นใจ และเส้นทางอาชีพ ส่งผลให้ทีมมีทั้งผลงานที่ดีขึ้นและความผูกพันมากขึ้น


ความเสี่ยง: การโค้ชต้องใช้เวลาและความอดทน หากทำแบบเร่งรีบหรือขาดความจริงใจ อาจทำให้พนักงานไม่รู้สึกถึงคุณค่า


แนวทาง: จัดเวลาเพื่อสนทนาแบบตัวต่อตัว ตั้งคำถามปลายเปิด และวางแผนพัฒนาระยะยาวร่วมกัน


Self-Check:

  • ฉันมีการโค้ชแบบตัวต่อตัวกับทีมบ่อยพอหรือไม่?

  • ฉันเน้นแต่เป้าหมายระยะสั้น หรือลงทุนในพัฒนาการระยะยาวด้วย?


5. การนำแบบตั้งมาตรฐานสูง (Pacesetting Leadership)


แนวทางการปรับสไตล์ภาวะผู้นำ - Adaptive Leaders

ผู้นำสไตล์นี้นำโดยการทำให้ดูเป็นตัวอย่าง พวกเขาตั้งมาตรฐานสูงและคาดหวังให้ทีมทำตาม เหมาะสำหรับทีมที่มีทักษะสูงและมีแรงจูงใจในตัวเอง


ตัวอย่าง: ในสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยี หัวหน้าทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ทำงานเคียงข้างวิศวกรระหว่างการสปรินต์ช่วงดึก ๆ การลงมือทำด้วยตัวเองสร้างแรงบันดาลใจให้ทีม แต่ต่อมาเขาตระหนักว่าต้องสร้างสมดุลระหว่างความเร็วกับเวลาพักของทีม


ความเสี่ยง: หากตั้งมาตรฐานสูงเกินไป ทีมอาจรู้สึกกดดัน เหนื่อยล้า และหมดกำลังใจ


แนวทาง: ใช้สไตล์นี้อย่างพอเหมาะ ตั้งเป้าหมายที่ท้าทายแต่เป็นไปได้ และให้การสนับสนุนควบคู่ไปด้วย


Self-Check:

  • ฉันตั้งมาตรฐานที่เกินความเป็นจริงหรือไม่?

  • ฉันเป็นตัวอย่างที่ดี หรือกลายเป็นการ micromanage ทีมกันแน่?


6. การนำแบบใช้อำนาจ (Coercive / Commanding Leadership)


แนวทางการปรับสไตล์ภาวะผู้นำ - Adaptive Leaders

ผู้นำแบบนี้ใช้การสั่งการอย่างเด็ดขาด เหมาะที่สุดเมื่อทีมเผชิญสถานการณ์ฉุกเฉินที่ต้องการการตัดสินใจรวดเร็ว


ตัวอย่าง: ระหว่างเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในภาคกลาง หัวหน้าทีมฝ่ายปฏิบัติการโรงงานตัดสินใจอย่างรวดเร็วในการเคลื่อนย้ายเครื่องจักรและจัดการด้านความปลอดภัยของพนักงาน ทำให้ทีมปลอดภัยและความเสียหายลดลงมาก


ความเสี่ยง: หากใช้บ่อยเกินไป จะทำให้ทีมหมดกำลังใจและไม่กล้าเสนอความคิดเห็นใหม่ ๆ


แนวทาง: ใช้เฉพาะในยามจำเป็นจริง ๆ และหลังวิกฤตควรกลับมาเสริมสร้างความไว้วางใจและฟังเสียงทีมอีกครั้ง


Self-Check:

  • ฉันใช้สไตล์นี้เฉพาะเมื่อจำเป็นจริง ๆ หรือเปล่า?

  • หลังผ่านวิกฤต ฉันได้ติดตามความรู้สึกและขวัญกำลังใจของทีมแล้วหรือยัง?


บทสรุป: พลังที่แท้จริงคือ “ความยืดหยุ่น”


สไตล์การนำทั้ง 6 แบบมีทั้งจุดแข็งและความเสี่ยง ไม่มีสไตล์ไหนที่ “ผิด” โดยตัวมันเอง แต่ปัญหามักเกิดขึ้นเมื่อเราใช้มากเกินไปหรือใช้ไม่ถูกสถานการณ์


ผู้นำที่มีประสิทธิผลที่สุดคือผู้ที่ยืดหยุ่น รู้ว่าเมื่อไรควรใช้การสร้างวิสัยทัศน์ เมื่อไรควรเปิดให้ทีมมีส่วนร่วม เมื่อไรควรกดดัน เมื่อไรควรให้กำลังใจ เมื่อไรควรโค้ช และเมื่อไรควรสั่งการอย่างเด็ดขาด


ศิลปะของภาวะผู้นำไม่ใช่การเลือกสไตล์ใดสไตล์หนึ่ง แต่คือการรู้จัก “ปรับด้วยความยืดหยุ่นระหว่างสไตล์” ให้เหมาะกับสถานการณ์


การอ้างอิง


บทความ "แนวทางการปรับสไตล์ภาวะผู้นำ - Adaptive Leaders" นี้ได้แรงบันดาลใจจากแนวคิด "Six Leadership Styles ของ Daniel Goleman" โดยได้ดัดแปลงและเพิ่มเติมมุมมองการนำไปใช้จริงกับทีมต่างๆ ในองค์กร


บรรณานุกรม


  • Goleman, D. (2000). Leadership That Gets Results. Harvard Business Review.

  • Goleman, D. (1995). Emotional Intelligence: Why It Can Matter More Than IQ. Bantam Books.

  • Goleman, D., Boyatzis, R., & McKee, A. (2002). Primal Leadership: Realizing the Power of Emotional Intelligence. Harvard Business School Press.

  • Goleman, D. (2013). Focus: The Hidden Driver of Excellence. Harper.


บทความโดย ดร. อัจฉรา จุ้ยเจริญ

Comments

Rated 0 out of 5 stars.
No ratings yet

Add a rating
Subscribe to receive our latest news
สมัครรับข่าวสาร
AcComm Group Website
อบรม Leadership

Contact us: AcComm Group

AcComm & Image International Co., Ltd.  and

Leadership and Coaching Solutions Co., Ltd.

188/49, Habitown, Wacharapon Road, Bangkok 10220 
 

Tel. (66) 2197 4588-9, (66) 89 924 5985 
Fax. (66) 2197 4590

Email: info@aclc-asia.com   

www.aclc-asia.com 

(Our previous website was www.spg-asia.com)

Thanks! Message sent.

  • Blogger Social Icon
  • Facebook Social Icon
  • YouTube Social  Icon
  • Instagram Social Icon
  • AcComm Group Podcast
Microlearning by AcComm Group

©2025  All rights reserved

  AcComm & Image International Co., Ltd.

AcComm Group

bottom of page