คุณเป็นผู้นำแบบ “Bounce Back” หรือ “Bounce Forward”?
- Atchara Juicharern, Ph.D.
- 2 hours ago
- 1 min read
คุณเป็นผู้นำแบบ “Bounce Back” หรือ “Bounce Forward”?
บทความโดย ดร. อัจฉรา จุ้ยเจริญ
ในโลกยุค AI ที่ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นรวดเร็วและไม่หยุดนิ่ง คำถามสำคัญสำหรับผู้นำทุกคนคือ คุณจะเลือกเป็นผู้นำที่ “Bounce Back” หรือ “Bounce Forward”?

คำว่า Resilience หรือ การฟื้นคืน มักถูกพูดถึงเสมอในช่วงวิกฤต มันหมายถึงการเด้งกลับมา ฟื้นฟูระบบให้กลับมาเหมือนเดิม รับมือกับความไม่แน่นอน และรักษาความต่อเนื่องขององค์กรไว้ได้ แต่หากเราหยุดอยู่เพียงแค่ตรงนั้น องค์กรก็อาจจะคงอยู่ได้ แต่ไม่ได้ไปต่อ
ตรงกันข้ามกับ Regeneration หรือ การสร้างใหม่ ซึ่งคือการ “Bounce Forward” ไม่ใช่เพียงการกลับไปยังจุดเดิม แต่เป็นการก้าวไปข้างหน้าอย่างสร้างสรรค์ การใช้โอกาสจากความเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างคุณค่าใหม่ ปรับรูปแบบธุรกิจ และทำให้องค์กรเติบโตได้อย่างแท้จริง
สิ่งสำคัญคือ บทบาทของผู้นำไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่คือ Mindset ของผู้นำ ที่เป็นตัวกำหนดผลลัพธ์ของ AI และการเปลี่ยนแปลงทั้งหลาย ปัจจุบันหลายองค์กรยังมอง AI ในแง่ของการทำให้กระบวนการมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งยังอยู่ในกรอบของ Resilience แต่ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์จะถามว่า “AI จะช่วยสร้างคุณค่าใหม่ได้อย่างไร” คำตอบนั้นอยู่ใน Mindset ของผู้นำมากกว่าตัวเทคโนโลยีเอง
เพื่ออธิบายเรื่องนี้ Patrick Lynch ได้เสนอ AI Leadership Mindset Matrix ซึ่งประกอบด้วย 2 มิติหลัก คือ เจตนาทางกลยุทธ์ (จากตั้งรับไปสู่เชิงรุก) และ ขอบเขตของการมอง (จากแคบไปสู่กว้าง) เมื่อมิติทั้งสองมาบรรจบกัน เราจะได้ผู้นำ 4 แบบ

Resilient Recovery: ผู้นำที่ใช้ AI เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เช่น การใช้แชทบอทเพื่อช่วยรองรับข้อร้องเรียนลูกค้าในช่วงที่ศูนย์บริการล้นมือ
Resilient Preservation: ผู้นำที่ใช้ AI ในหลายหน่วยงานเพื่อป้องกันความเสี่ยงและรักษาความต่อเนื่อง เช่น การใช้ AI เพื่อตรวจจับการทุจริตหรือปฏิบัติตามกฎระเบียบ
Regenerative Transformation: ผู้นำที่ใช้ AI อย่างเชิงรุกเพื่อปรับปรุงกระบวนการ เช่น การสร้างระบบประเมินผลใหม่ หรือการใช้ Learning ที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล
Regenerative Revolution: ผู้นำที่ใช้ AI เพื่อสร้างคุณค่าและตลาดใหม่ทั้งหมด เช่น การสร้างแพลตฟอร์มที่เป็น ecosystem ใหม่ เพื่อเตรียมการพัฒนาคนให้พร้อมด้วยทักษะแห่งอนาคต
ในบทความนี้ Patrick Lynch เสนอมุมมองว่า Resilience เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ เพราะ AI มีศักยภาพมากกว่าการลดต้นทุน มันสามารถเปิดประตูสู่การเติบโตและนวัตกรรมใหม่ ๆ ผู้นำที่ติดอยู่ในโหมด Resilience จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ในขณะที่ผู้นำที่ก้าวสู่ Regeneration จะเป็นผู้นำที่สร้างอนาคต
ดังนั้น ผู้นำจำเป็นต้องเปลี่ยนจากการคิดเชิง “ป้องกัน” ซึ่งมุ่งรักษาสิ่งที่มีอยู่ ไปสู่การคิดเชิง “สร้างสรรค์” ที่ใช้ AI เพื่อสร้างความได้เปรียบใหม่ คำถามที่ใช้ก็ต้องเปลี่ยน จาก “เราจะฟื้นตัวได้อย่างไร” ไปสู่ “เราจะจินตนาการสิ่งใหม่ได้อย่างไร” หรือ “สิ่งใหม่นี้จะสร้างคุณค่าอะไรได้บ้าง” และเหนือสิ่งอื่นใด ผู้นำต้องให้ความสำคัญกับ “ด้านมนุษย์” ของ AI เพราะการจัดแนวคน เป้าหมาย คุณค่า และกระบวนการต่างหาก ที่ทำให้เทคโนโลยีมีความหมาย
การนำ Matrix นี้ไปใช้ในองค์กรเริ่มต้นจากการถามว่า ตอนนี้เราอยู่ใน Quadrant ไหน จากนั้นระบุว่ามีช่องว่างอะไรที่ต้องก้าวข้ามไป และลงมือวางแผนการเดินทางจาก Resilience ไปสู่ Regeneration ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนวิธีคิดจากการเน้นประสิทธิภาพไปสู่การสร้างคุณค่าใหม่ การสร้างทักษะ AI fluency ให้กว้างกว่าฝ่าย IT หรือการสร้างวัฒนธรรมที่สนับสนุนความอยากรู้อยากเห็นและการทดลอง
สุดท้ายแล้ว คำถามที่เราหันมาถามตนเองได้คือ: องค์กรของเรากำลังสร้างผู้นำแบบใด “Bounce Back” หรือ “Bounce Forward”?
บทความถัดไป ดิฉันจะเชื่อมโยงแนวคิดนี้ กับการสร้างวัฒนธรรมการโค้ช (Creating a Coaching Culture)
โปรดติดตามตอนต่อไป
Source Credit: Patrick Lynch via Thinkers50 — “A Leadership Mindset Matrix for the AI Age: From Resilience to Regeneration” https://thinkers50.com/blog/a-leadership-mindset-matrix-for-the-ai-age-from-resilience-to-regeneration/
*************************